ของ..ของกู (Business Model)
แนวคิด "ของ..ของกู" เริ่มที่ผมครับ..ผมมีนวัตกรรมใหม่ที่คิดออกมามากมาย และมีแนวคิดอะไรดีๆที่อยากจะทำเต็มไปหมด แต่ยังขาดคน คนที่รัก/เข้าใจ/มีปัญญาและพร้อมทำงานของเรา เหมือนตัวเราทุ่มเท่ และกระหายจะเห็นความสำเร็จ สิทธิบัตรทางปัญญา/ ชื่อเสียงที่มี/ รวมทั้งเงินที่หามาได้ ถ้าทำคนเดียวไม่มีทางทำให้สำเร็จได้ทุกอย่างในชีวิตนี้ ถ้าเราเอาของเหล่านี้ให้ทุกคนที่เราคิดว่าใช่ มาร่วมใช้มัน ไม่หวงไว้เป็นของเราคนเดียว ผมก็น่าจะทำทุกอย่างได้พร้อมกันได้ และทันเห็นความสำเร็จก่อนจะไม่มีแรง..
คุณต้องรู้เท่าผม..อบรมเพาะเห็ดอย่างมืออาชีพ รุ่่น65 |
ขอบใจ Google ทำให้ผมมีแนวคิดที่แตกต่างจากเดิม คือถ้า "กูคิดอะไรได้ ต้องทำสิทธิบัตรไว้และให้เป็นสมบัติของลูกเมียวงตระกูล" แต่ Google สอนให้ผมเห็นว่าสิ่งที่ผมคิดได้ ใครก็คิดได้ เพราะได้ความรู้จากGoogle จาก Internet ไม่มีอะไรแปลก..แต่ ณ ตอนนี้เราอาจเป็นที่1 ไม่นานก็มีคนทำตามและอาจดีกว่าของเราอีก
และอย่างลูกเมียเรา..คิดหรือว่า???เขาจะรู้จักใช้สิทธิบัตรที่ทำไว้ มาใช้ให้เป็นประโยชน์หาตังค์ได้(ถ้าเราไม่อยู่แล้ว) และไม่ใช่ความผิดเค้า แต่เป็นความผิดเราต่างหากที่ไม่ยอมเปลี่ยนมันเป็นตังค์ ถ้าเป็นตังค์พวกเค้าคงใช้ได้ดีกว่าเป็นสิทธิบัตรแน่นอน
ถ้าอย่างนั้นทำมัย??ไม่บอกให้คนรู้ทั้งหมด สอนให้ลูกศิษย์เก่งเท่าเราให้ได้ และไม่ต้องมาเป็นคู่แข่งกัน มาร่วมกันคิด และทำงานด้วยกันมาเป็นเจ้าของด้วยกัน ไม่มีใครเป็นเจ้านาย และลูกจ้าง มองที่ผลประโยชน์ร่วมกัน โดยแบ่งกันที่ 50/50
ผมคิดถูก..ปัจจุบันมีคนเข้ามาร่วมงานกับผม กว่า100คน มีสาขากระจายทั่วประเทศกว่า 100สาขา แต่ละคนมีอาชีพที่แตกต่าง วุฒิการศึกษา ขั้นดอ๊กเตอร์ก็ทำงนร่วมกัน "ผมได้กำไรมหาศาล คือคนระดับทั้งนั้นที่ร่วมงานกัน และตั้งใจเกิน100ทุกคน ลูกจ้างอย่างนี้หาได้ที่ไหน?? ถ้าผมจ่ายเงินเดือนก็คงเดือนละ 2-3ล้านบาท อย่างต่ำ และไม่รู้จะพอที่จ้างพวกเค้าได้หรือไม่
ยกตัวอย่างทุกวันศุกร์3-4ทุ่มมาประชุมกันแบบ Online ต่อให้บริษัทชั้นนำของโลกคิดจะทำให้ได้อย่างผม บอกได้เลยไม่มีทางสำเร็จแน่นอน ทำมัยล่ะครับ??? ทำมัยเราทำได้ เพราะนี่แหละ"ของ..ของ ..กู งัยครับ..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น